องค์ประกอบของ “ค่าจ้าง” ได้แก่
1.1 ต้องเป็นเงินที่นายจ้างและลูกจ้างตกลงกัน
1.2 มีวัตถุประสงค์จ่ายเป็นค่าตอบแทนการทำงานในเวลาทำงานปกติ หากการจ่ายเงินมีวัตถุประสงค์อื่น เช่น จ่ายเพื่อเป็นสวัสดิการหรือหรือเป็นการจูงใจให้ลูกจ้างทำงานอาจไม่ถือว่าเป็น “ค่าจ้าง” ดังนั้นรายได้ที่เป็นตัวเงินที่นายจ้างจ่ายให้แก่ลูกจ้างไม่ว่าจะเรียกขื่ออย่างไร เงินนั้นจะถือว่าเป็น “ค่าจ้าง” ตามพ.ร.บ.คุ้มครองแรงงานฯ หรือไม่ ต้องพิจารณาเป็นกรณีๆ ไป
หากนายจ้างนำรายได้ที่เป็นตัวเงินอื่นรวมเป็นค่าจ้างให้กับลูกจ้างแล้ว ต้องนำเงินดังกล่าวมาเป็นฐานในการคำนาณเงินอื่นๆ ตามพ.ร.บ.คุ้มครองฯ ที่ลูกจ้างมีสิทธิได้รับด้วย เช่น ค่าล่วงเวลา ค่าทำงานในวันหยุด ค่าล่วงเวลาในวันหยุด และค่าชดเชย เป็นต้น
1.3 จ่ายเพื่อตอบแทนสำหรับระยะเวลาการทำงานปกติ
1) เงินจำนวนใด ไม่ว่าจะเรียกชื่ออย่างไร หากจ่ายเพื่อตอบแทนการทำงานในเวลาทำงานปกติของวันทำงานตามสัญญาจ้าง หรือจ่ายให้แก่ลูกจ้างเป็นประจำ มีจำนวนแน่นอน โดยไม่ปรากฎวัตถุประสงค์การจ่ายเป็นประการอื่น ย่อมถือเป็น “ค่าจ้าง”
2) เงินจำนวนใด ไม่ว่าจะเรียกชื่ออย่างไร หากจ่ายโดยมีวัตถุประสงค์แจ้งชัดว่า เพื่อเป็นสวัสดิการแก่ลูกจ้าง หรือเพื่อจูงใจให้ลูกจ้างทำงานเพิ่มขี้น หรือเพื่อเป็นรายวัลแก่ลูกจ้าง หรือเพื่อช่วยเหลือลูกจ้าง หรือเพื่อชดใช้ค่าใช้จ่ายที่ลูกจ้างได้ออกไปเพื่อกิจการของนายจ้าง ย่อมไม่ถือว่าเป็น “ค่าจ้าง”
ส่วนอัตราค่าจ้างวันละ 300 บาท ถ้าเป็นรายเดือนให้คูณด้วย 30