กราบเรียนท่านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานที่เคราพ
ดิฉันอยากเรียกร้องความเป็นธรรมจากท่านและหน่วยงานอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง เนื่องด้วยตัวดิฉันเองเป็นภรรยาผู้เสียหายจากการที่ได้รับการเอารัดเอาเปรียบจากนายจ้างด้านค่าแรง ด้านสวัสดิการประกันสังคม และวันหยุด และสวัสดิการอื่น ๆ ที่พนักงานทั่วไปจะได้รับ
ตัวดิฉันเองและสามีถูกทาบทามให้มาทำงานในรีสร์อทแห่งหนึ่งในจังหวัดกาฬสินธุ์ในอัคราค่าจ้างเหมาจ่ายเดือนละ 12,000 บาทต่อเดือน แต่มีการคุยกันเรื่องเงินเดือนอีกรอบเนื่องจากไม่พอต่อการจ่ายค่าแม่บ้านอีก 1 คน ( 5,000 บาทต่อเดือน) สรุปได้ค่าจ้างเหมาจ่ายเดือนละ 13,500 บาท (สามีได้รับสุทธิ 8,500 บาทต่อเดือน) ทำงาน 24 ชม ไม่มีวันหยุด เป็นระยะเวลาตั้งแต่เริ่มงาน ปี 50 จนถึงปัจจุบัน ตอนแรกที่นายจ้างไปทาบทามมาทำงานในครั้งแรก ตกลงกันโดยไม่มีสัญญาจ้าง โดยให้สามีของดิฉันเข้ามาดูแลรีสร์อทรับแขกที่มาพักและดูแลห้องพัก ครั้งแรกตัวดิฉันเองและสามีขอประกันสังคม นายจ้างก็รับทราบแต่ก็ไม่มีการดำเนินการแต่อย่างใด เลยทำให้สามีของตัวดิฉันเองไม่มีประกันสังคมทั้ง ๆ ที่เคยทวงถามมาโดยตลอด เวลาทำงานของรีสร์อทต้องทำ 24 ชม โดยไม่มีวันหยุดโดยให้ทำงานตลอดทั้งปีเป็นมาตั้ง 3 ปีกว่า ๆ แล้ว แต่ตัวดิฉันเองดีที่ได้ทำงานที่บริษัทอีกที่หนึ่งเลยทำให้มีเวลามาช่วยสามีทำงานและอยู่ดูแลรีสร์อทด้วยกันกับสามีในเวลากลางคืนเพราะต้องรับแขกและทำห้องพักอยู่ตลอดท้งคืนและในวันหยุดของตัวดิฉันเองก็ต้องมาทำงานช่วยสามีทั้ง ๆ ที่ไม่ได้ค่าแรงจากนายจ้างเพิ่มเลยแม้แต่เวลาเลิกงานก็ต้องมาทำให้กับเจ้าของรีสร์อทเค้าเสมือนหนึ่งตัวดิฉันเองก็เปรียบเหมือนเป็นลูกจ้างที่รีสร์อทแห่งนี้เหมือนกันการทำงานที่นี้ต้องระวังภัยต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นชีวิตของสามีและลูกน้อยที่ต้องมาทำงานที่นี้เพราะต้องเสี่ยงต่อการถูกทำลายจากบุคคลไม่หวังดีในเวลากลางคืน เป็นต้น เวลากลางคืนก็ไม่ได้พักผ่อนอย่างเต็มที่เพราะต้องคอยรับแขกที่จะมาพักอยู่ตลอดเวลา เวลาเจ็บป่วยลูกจ้างก็ต้องจ่ายเองและต้องจ้างคนอื่นมาเฝ้างานแทนก็ต้องใช้เงินส่วนตัวของลูกจ้างเองเป็นคนจ่าย ขนาดตัวดิฉันเองที่กำลังตั้งครรภ์ก็ต้องถูกนายจ้างปลุกในเวลากลางคืนขึ้นมาเพื่อทำความสะอาดห้องพักให้กับแขก ต้องยกเตียงที่หนักร่วม 100 กิโล ประมาณนั้น ต้องยกเองคนเดียวเพื่อทำความสะอาดห้องพักทั้ง ๆ ตอนนั้นก็ตั้งครรภ์ได้ 8 เดือนแล้ว แต่ในระยะเวลาที่ตั้งครรภ์มาก็ทำงานช่วยสามีในลักษณะนี้มาจนคลอดบุตรก็ไม่มีค่าตอบแทนจากนายจ้างเลย เพราะนายจ้างเห็นแต่ได้อย่างเดียวเท่านั้นเวลาทานข้าวก็แทบจะไม่มีเวลาพักก็ไม่มีวี่แวว ทำงานเหมือนกับเครื่องจักรที่ต้องทำอยู่ตลอดเวลาโดยถูกเอารัดเอาเปรียบมาโดยตลอด ไม่ว่าจะเป็นทางด้านการใช้อารมณ์ของนายจ้าง การด่าทอ การดูถูกเหยียดหยาม เป็นต้น แม้กระทั้งน้ำดื่มก็ต้องซื้อเอง อาหารแต่ละมื้อก็ต้องซื้อเอง ยารักษาโรคก็ต้องจ่ายเอง อุบัติเหตุในการทำงานลูกจ้างก็จ่ายเอง ฯลฯ
และในตอนนี้สามีของดิฉันเองถูกนายจ้างบอกให้ออกจากงานโดยจะให้คนของนายจ้างที่หามาใหม่ทำแทน โดยไม่มีการบอกกล่าวล่วงหน้า ใช้เหตุผลที่ฟังไม่ขึ้นเป็นสาเหตุของการให้ออก โดยทางตัวดิฉันและสามีก็มีพยานแวดล้อมว่านายจ้างที่จ้างสามีของตัวดิฉันเองนั้นเอาเปรียบลูกจ้างเป็นอย่างมาก คนงานต่างด้าวยังได้รับความเป็นธรรมมากกว่าตัวสามีของดิฉันเองตั้งหลายเท่า คนไทยแท้ ๆ ยังเอาเปรียบได้ ตอนนี้ครอบครัวของดิฉันเองเดือดร้อนมากในการที่ถูกเอารัดเอาเปรียบจากนายจ้างทั้งด้านค่าแรงและสวัสดิการอื่น ๆ อยากให้ท่านรัฐมนตรีช่วยเข้ามาแก้ไขเรื่องนี้เพื่อขอความยุติธรรมให้กับสามีของดิฉันด้วยค่ะ ดิฉันต้องการเรียกร้องสิทธิที่สามีของดิฉันเองพึ่งจะได้รับจากการที่ถูกนายจ้างลอยแพ เรื่องนี้ตัวดิฉันเองคงเล่าไม่หมดถ้ามีการดำเนินการจริงคงจะให้รายละเอียดในเรื่องนี้อีกมากมายแก่ทางหน่วยงานที่เข้ามาช่วยเหลือ เพราะครอบครัวของดิฉันเองได้รับความไม่ยุติธรรมในการใช้แรงงานเพื่อผลประโยชน์ของนายจ้าง ขอให้ท่านช่วยดำเนินการเรื่องนี้โดยด่วนเพราะตอนนี้ครอบครัวของดิฉันเดือดร้อนมากค่ะของความกรุณาด้วยค่ะเพราะเราไม่รู้จะไปพึ่งใครได้นอกจากหน่วยงานของรัฐที่จะช่วยประชาชนในยามที่เดือดร้อน ขอบพระคุณท่านเป็นอย่างสูง
จากครอบครัวที่ถูกนายจ้างเอารัดเอาเปรียบ