เรียนท่านรัฐมนตรี และผู้ที่เกี่ยวข้อง
เพื่อนของดิฉันได้รับการติดต่อจากพนักงานในบริษัทลดความอ้วนแห่งหนึ่งใน กทม. ย่านรังสิต
ให้มาเริ่มงานในตำแหน่งพนักงานกราฟฟิก (ได้คุยรายละเอียดเกี่ยวกับอัตราเงินเดือน งานที่ต้องรับผิดชอบกันไว้แล้ว)
หลังจากที่เคยได้มาสมัครและสัมภาษณ์งานรวมถึงทดสอบความสามารถในตำแหน่งงานนั้นไว้
เพื่อนดิฉันจึงนั่งรถไฟจากอ.หาดใหญ่ ไปกรุงเทพฯ และไปเช่าหอพักอยู่ใกล้กับที่บริษัทนั้น
และต้องเสียค่ามัดจำในการเช่าหอพักนั้น เป็นเงิน 10,000 บาท สัญญาคือต้องอยูครบ 5 เดือน
จากนั้นเพื่อนดิฉันก็โทรไปหาพนักงานคนดังกล่าวที่เป็นคนติดต่อให้เพื่อนดิฉันมาทำงาน
แต่กลับเป็นว่าพนักงานคนนั้น ลาหยุด จะมาทำงานอีกครั้งใน 3-4 วัน ทางนั้นจึงบอกให้เพื่อนดิฉันรอก่อน
เพราะพนักงานคนนั้นจะเป็นคนดูแลเพื่อนดิฉัน เมื่อครบตามวันที่พนักงานคนนั้นลาหยุด เพื่อนดิฉันก็ติดต่อกลับไป
แต่พนักงานคนนั้นปิดเครื่อง เพื่อนดิฉันจึงโทรเข้าไปยังหมายเลขของบริษัทนั้น ก็พบว่าพนักงานคนนั้นไม่ได้ลาหยุดแต่อย่างใด
แต่เพื่อนดิฉันกลับได้รับคำตอบที่แย่กว่านั้น คือว่า ทางผู้บริหารมีนโยบายหยุดรับพนักงานใหม่
ทางบริษัทบอกว่า ถ้าน้องอยากจะรอก็รอไปนะ ถ้าผู้บริหารมีนโยบายเปิดรับพนักงานเมื่อไหร่
น้องจะได้เข้าทำงานทันที โดยไม่ต้องผ่านขั้นการรับสมัครใดๆแล้ว ถามหน่อยคะว่าแล้วอย่างนี้ใครจะไปรอ
รออย่างไม่มีความหวัง เพราะถ้าเค้ามีนโยบายออกมาแบบนี้ ก็คงไม่ใช่เร็วๆๆนี้แน่ๆๆที่เค้าจะรับพนักงานใหม่
เพื่อนดิฉันต้องเสียค่าใช้จ่ายไปเป็นจำนวนมากในการเช่าหอพัก ถ้าจะกลับมาบ้านตอนนี้ก็ต้องเสียเงินค่าประกันพอฟรีๆไป 10,000บาท
เป็นใครอยากจะจ่ายเงินตรงส่วนนี้หล่ะ ไปคุยกับทางหอ เค้าก็ไม่ยอมคืนให้เพราะมันเป็นไปตามสัญญา (ตรงนี้ดิฉันก็เข้าใจหอเค้านะ
เพราะมันก็ไม่ใช่ความผิดของเค้าเหมือนกัน และก็ไม่ใช่ความผิดของเพื่อนดิฉันด้วย แต่ก็น่าจะเห็นใจหน่อย)
พอพ่อของเพื่อนดิฉันทราบเรื่องก็โทรไปที่บริษัท แต่กลับได้รับคำตอบว่าต้องขอโทษจริงๆ เพิ่งมีนโยบายแบบนี้ออกมาจากทางผู้บริหาร เค้าก็ไม่สามารถทำอะไรได้ พ่อของเพื่อนดิฉันก็พูดไปว่า ทำไมไม่มีการเซ็นต์รับรองจากผู้บริหารของคุณก่อนหล่ะ ก่อนที่จะเรียกให้ลูกผมมาแบบนี้ เค้าก็ได้แต่บอกว่าขอโทษจริงๆ แค่นั้น
อ๋อ..แล้วเพื่อนของดิฉัน ตอนนี้เค้ากำลังเดินทางไปกทม. เค้าก็ได้รับการติดต่อให้ไปสัมภาษณ์อีกบริษัทหนึ่งที่อ.หาดใหญ่
เพื่อนดิฉันก็บอกปฏิเสธเค้าไป เพราะกำลังจะเริ่มงานที่กทม.แล้ว ทำให้เพื่อนดิฉันต้องเสียโอกาสและค้าใช้จ่ายไปโดยไม่จำเป็น
กรณีอย่างนี้ไม่ทราบว่าจะสามารถร้องเรียนค่าเสียหายจากใครได้บ้าง หรือทำอย่างไรได้บ้างคะ
(รายละเอียดที่เพื่อนดิฉันคุยกับทางบริษัทดังกล่าว ดิฉันอาจจะไม่ได้ทราบละเอียดมากนัก ว่าพนักงานคนนั้นชื่ออะไร ตำแหน่งอะไร คุยกันเมื่อไหร่ เพื่อนดิฉันเป็นคนไม่ค่อยกล้าพูดสักเท่าไหร่ ดืฉันจึงอยากจะช่วยเพื่อน)