วันที่ 21 ตุลาคม 2553
เรียน นายกรัฐมนตรี,รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข,กระทรวงแรงงานฯ,สำนักงานประกันสังคม,ผู้บริหารโรงพยาบาล,ผู้ที่เกี่ยวข้อง
เรื่อง โรงพยาบาลเกษมราษฎร์ ประชาชื่น ผู้มีอำนาจควรปกครองด้วยธรรมาภิบาล โดยยึดหลักคุณธรรม
จริยธรรม และมนุษย์ธรรม
กรณีแผนกผู้ป่วยประกันสังคม เดิมผู้ป่วยเฉลี่ย 600 ราย/วัน มีแพทย์ประจำ 5 ราย/วัน เฉลี่ยตรวจวินิฉัยโรค 6 นาที/ราย แพทย์ทำงาน 10 ชั่วโมง/วัน ดังนั้นแพทย์ 5 รายจึงตรวจวินิจฉัยโรคได้ประมาณ 500 คน/วัน จึงเพิ่มเวลาปฏิบัติงานจาก 8.00 – 20.00 น. เป็น 7.00 – 20.00 น. และ 7.00 – 21.00 น. ตามลำดับเพื่อให้เพียงพอต่อการรองรับบริการผู้ป่วยในแต่ละวันและเป็นการลดข้อร้องเรียนจากผู้ป่วย ซึ่งเวลาในการรอพบแพทย์เฉลี่ย 2 ชั่วโมง/ราย โดยคงไว้ซึ่งอัตรากำลังพยาบาลและผู้ช่วยพยาบาลเพื่อลดต้นทุนในการดำเนินงาน ซึ่งอัตรากำลังเหล่านั้นต้องทำงานกันมากขึ้นและเวลาพักผ่อนน้อยลง
หลังจากโรงพยาบาลยุบแผนกผู้ป่วยประกันสุขภาพถ้วนหน้าลงก็ย้ายผู้ป่วยบัตรทองมารวมกับผู้ป่วยประกันสังคมโดยคงอัตราแพทย์และบุคคลกรทางการแพทย์เท่าเดิม ทำให้ปริมาณผู้ป่วยต่อวันมากขึ้นเป็น 2 เท่า ประมาณ 1,200 ราย/วัน ทำให้เวลาในการรอเฉลี่ยของคนไข้เพิ่มจากเดิม 2 ชั่วโมงเป็น 4 ชั่วโมง จึงเกิดเรื่องร้องเรียนมากขึ้นและพยาบาลและผู้ช่วยฯต้องทำงานหนักมากขึ้นทำให้เกิดการลาออกเป็นจำนวนมากแต่อัตรากำลังทดแทนน้อยกว่าอัตรากำลังเดิม เจ้าหน้าที่ทุกรายที่มีอยู่จึงทำงานหนักมากขึ้นโดยเฉพาะหัวหน้าแผนกซึ่งกำลังตั้งครรภ์ 5 เดือน ต้องทำงานตั้งแต่ 7.00 – 21.00 น. ถึงสัปดาห์ละ 6 วัน โดยผู้บริหารไม่ใยดีต่อการเพิ่มแพทย์ผู้ตรวจวินิจฉัยโรคเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการปฏิบัติงาน โดยอ้างว่าโรงพยาบาลอื่นยังทำได้
ซึ่งปัญหาดังกล่าวผู้บริการระดับสูงและระดับกลางได้ร่วมกันประเมินว่าปัญหาทั้งหมดเกิดขึ้นจากหัวหน้าแผนก โดยทำการประเมินว่าควรปลดหัวหน้าแผนกออกโดยย้ายไปอยู่แผนกอื่น มีผลตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2553 ซึ่งตลอดเวลาที่หัวหน้าแผนกตั้งครรภ์ได้ทำหน้าที่อย่างเต็มที่มาตลอด ซึ่งในบางครั้งออกเวรกลับบ้านไปแล้วแต่อัตรากำลังพยาบาลขาดก็ต้องกลับมาทำงานต่อเพื่อให้งานเดินต่อไปได้
จากกรณีดังกล่าวทำให้ประมาณได้ว่านี่คือการบีบให้ลาออกเพื่อมิให้ใช้สิทธิลาคลอดในอีก 3 เดือนข้างหน้า ซึ่งเป็นการประหยัดต้นทุนของโรงพยาบาล โดยที่ไม่คำนึงถึงว่าการที่หญิงมีครรภ์ไปสมัครงานใหม่ที่ใดก็ไม่มีที่ไหนรับเข้าทำงานเนื่องจากกำลังตั้งครรภ์ ซึ่งมาตรการเหล่านี้เป็นมาตรการที่ขัดต่อหลักธรรมาภิบาลและหลักคุณธรรมเป็นอย่างยิ่ง ซึ่งในปัจจุบันทุกหน่วยงานพยายามสร้างหลักการที่ดีเหล่านี้มาบริหารงาน แต่โรงพยาบาลนี้กลับละเลย จึงขอประณามให้หยุดพฤติกรรมเหล่านี้เสีย เนื่องจากประชาชนจะไม่ยอมรับพร้อมทั้งพากันประณาม อีกทั้งขอให้ประกันสังคมลดสิทธิการให้บริการผู้ป่วยของโรงพยาบาลนี้ให้น้อยกว่าหนึ่งแสนราย/ปี และให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขเข้าตรวจสอบเนื่องจากพฤติกรรมการบริหารงานดังกล่าวเข้าข่าย “โรงงานนรก”
จึงเรียนมาเพื่อทราบและพิจารณาปฎิบัติตามข้อร้องเรียน
ขอแสดงความนับถืออย่างสูง
(นายพงษ์เท เผือกพูลผล)
(ผู้ร้องเรียน-สามีผู้เสียหาย)
โทร. 086-382-5963