การทำสัญญาจ้างเหมาบริการ
เป็นในโดยลักษณะสัญญาจ้างทำของ ประกอบด้วยคู่สัญญาสองฝ่าย คือ ผู้ว่าจ้าง ซึ่งหน่วยงานราชการและผู้รับจ้าง ไม่ใช่สัญญาจ้างแรงงาน ที่ประกอบด้วยนายจ้างและลูกจ้าง จึงไม่อยู่ภายใต้กฎหมายคุ้มครองแรงงานที่ใช้บังคับ ระหว่างนายจ้างกับลูกจ้าง
ข้อบังคับที่ลุกจ้างของส่วนราชการโดยทั่วไปต้องถือปฏิบัติ โดยการปฏิบัติอาจต้องใช้วิธีการบันทึกเวลาการปฏิบัติงาน หากไม่มาปฏิบัติงานอาจหาผู้อื่นมาทำงานแทนหรือบอกกล่าวล่วงหน้า หากเกิดความเสียหายแก่ทางราชการเนื่องจากไม่มาทำงาน ส่วนราชการอาจกำหนดค่าปรับสำหรับความเสียหายนั้น การกำหนดค่าตอบแทนให้กับผู้รับจ้างไม่จำเป็นต้องจ่ายตามวุฒการศึกษา แต่ให้พิจารณาจากความรู้และประสบการณ์ ที่เหมาะสมกับลักษณะงานที่แท้จริง ไม่ถือเป็นเป็นการจ้างลูกจ้างของส่วนราชการที่จะมีนิติสัมพันธ์กัน ในฐานะนายจ้างกับลูกจ้างตามนัยมาตรา 5 แห่งพระราชบัญญัติประกันสังคม พ.ศ. 2553 และที่แก้ไขเพิ่มเติม ส่วนราชการผู้ว่าจ้างจึงไม่อยู่ในบังคับที่จะต้องนำเงินส่งสมทบในส่วนของผู้ว่าจ้างเข้ากองทุนประกันสังคม ได้นำหลักเกณฑ์ของหนังสือกระทรวงการคลังและหนังสือกรมบัญชีกลางทั้งสองฉบับดังกล่าวมากำหนดไว้ในระเบียบกระทรวงการคลังและหนังสือกรมบัญชีกลาง
หากส่วนราชการมีความจำเป็นต้องจ้างเอกชนดำเนินงานในลักษณะการจ้างบุคคลธรรมดา ให้หัวหน้าส่วนราชการ หรือผู้ที่ได้รับมอบหมาย จากหัวหน้าส่วนราชการดำเนินการจ้างเอกชนดำเนินงานเฉพาะโครงการ โดยไม่จำเป็นต้องต้องทำข้อตกลงการจ้างหรือสัญญาการจ้าง เต็มปีงบประมาณ และมิให้ทำข้อตกลงการจ้างหรือสัญญาการจ้างในลักษณะต่อเนื่อง
ซึ่งลักษณะงานที่จ้างควรเป็นงานที่ส่วนราชการซื้อบริการจากผู้รับจ้างเป็นรายชิ้น เช่น งานรักษาความปลอดภัย งานทำความสะอาด งานดูแลต้นไม้ สนามหญ้าและสวนหย่อม งานพาหนะ งานศึกษาวิจัย งานติดตามประเมินผล งานจัดทำคำแปล งานผลิตและพิมพ์เอกสาร งานผลิตสื่อ การประชาสัมพันธ์ งานสถิติข้อมูลสาระสนเทศ