เรียน เจ้าหน้าที่ผู้ดูแลเว็บไซต์รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน
สำนักงานประกันสังคม ขอเรียนว่า สำนักงานประกันสังคมจังหวัดสมุทรสงคราม ร่วมกับเจ้าหน้าที่สำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดสมุทรสงคราม ได้ดำเนินการสอบถาม เพื่อหาแนวทางช่วยเหลือนายสมบุญฯ ณ บ้านเลขที่ ๔ หมู่ ๗ ตำบลเหมืองใหม่ อำเภออัมพวา จังหวัดสมุทรสงคราม เมื่อวันที่ 26 – 27 พฤษภาคม 2553 ได้ข้อสรุปดังนี้
1. ปัจจุบันนายสมบุญฯ พักอาศัยอยู่กับญาติอีก 1 คน ซึ่งเป็นข้าราชการบำนาญ การกินอยู่ในปัจจุบันต่างคนต่างอยู่ เพียงแต่พักอาศัยอยู่ในบ้านบริเวณเดียวกันเท่านั้น ค่าใช้จ่ายในการดำรงชีวิตของนายสมบุญฯ จะได้รับจากภรรยาซึ่งไปอยู่กับน้องสาวภรรยาที่กรุงเทพฯ ในบางครั้ง แต่ไม่สม่ำเสมอแล้วแต่ภรรยาจะส่งมาให้ใช้จ่าย น้องสาวภรรยาซึ่งเป็นเจ้าของบ้านที่นายสมบุญฯ อาศัยอยู่ในปัจจุบัน มอบหมายให้นายสมบุญฯ เลี้ยงสุนัขจำนวน ๘ ตัว ซึ่งเป็นของน้องสาวภรรยา โดยจะเป็นผู้ส่งเงินในการเลี้ยงสุนัขเดือนละประมาณ 2,000 – 3,000 บาท
2. สำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดสมุทรสงครามได้พิจารณาดำเนินการให้ความช่วยเหลือในกรณีฉุกเฉินเบื้องต้นแก่นายสมบุญฯ จำนวน 2,000 บาท ขณะนี้อยู่ระหว่างดำเนินการ
3. นายสมบุญฯ ได้รับเบี้ยยังชีพคนชราจากเทศบาลตำบลเหมืองใหม่ เดือนละ 500 บาท แต่ไม่พอใช้จ่ายในการดำรงชีวิตประจำวัน จึงได้ทำหนังสือร้องเรียนให้รัฐบาลช่วยเหลือเงินจำนวนหนึ่ง ซึ่งพอจะใช้เลี้ยงชีพในชีวิตประจำวันได้ ให้สมดุลกับเงินภาษีที่ได้จ่ายไปในแต่ละปีประมาณปีละ 70,000 – 90,000 บาท รวม 32 ปี และเงินสมทบประกันสังคมที่ได้นำส่งไปประมาณปีละ 2,700 บาท เป็นเวลา 7 ปี โดยอ้างว่า เมื่อตอนทำงานได้จ่ายภาษีและเงินสมทบประกันสังคมเป็นจำนวนมาก เมื่อยามชราทำงานไม่ได้รัฐบาลควรจ่ายคืน เพื่อให้ดำรงชีวิตอยู่ได้ในปัจจุบัน ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้บันทึกถ้อยคำและเอกสารในการขอความช่วยเหลือไว้เป็นหลักฐาน และได้จัดส่งให้กระทรวงแรงงานทราบแล้ว
4. สำนักงานประกันสังคมได้มีการจัดเก็บเงินสมทบจากนายจ้าง ลูกจ้างในอัตราร้อยละ 1.5 เพื่อให้ความคุ้มครองกรณีเจ็บป่วยหรือประสบอันตราย กรณีคลอดบุตร กรณีทุพพลภาพ และกรณีตาย ซึ่งเงินสมทบดังกล่าวไม่สามารถขอรับคืนได้ เนื่องจากตลอดระยะเวลาที่นายสมบุญฯ เป็นผู้ประกันตนจะได้รับความคุ้มครองในกรณี 4 ดังกล่าว และระบบประกันสังคมเป็นระบบเฉลี่ยทุกข์ เฉลี่ยสุข ระหว่างผู้ประกันตนด้วยกัน หากผู้ประกันตนไม่ได้ใช้สิทธิเงินที่จัดเก็บก็จะเฉลี่ยให้กับผู้ประกันตนรายอื่นที่มีความจำเป็นต้องใช้สิทธิ สำหรับกฎหมายประกันสังคมกรณีชราภาพเริ่มบังคับใช้และจัดเก็บเงินสมทบเมื่อเดือนธันวาคม 2541 ผู้ประกันตนที่นำส่งเงินสมทบตั้งแต่เดือนธันวาคม 2541 จะมีสิทธิได้รับเงินชราภาพคืนเมื่อมีอายุครบ 55 ปี และสิ้นสุดความเป็นผู้ประกันตน แต่นายสมบุญฯ ได้มีการนำส่งเงินสมทบถึงเดือนธันวาคม 2540 จึงทำให้นายสมบุญฯ ไม่ได้รับประโยชน์ทดแทนกรณีชราภาพ เพราะออกจากงานก่อนที่กฎหมายประกันสังคมกรณีชราภาพจะมีผลบังคับใช้ ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ได้ชี้แจงเรื่องดังกล่าวให้นายสมบุญฯ ทราบด้วยแล้ว
จึงเรียนมาเพื่อทราบ
ศูนย์สารนิเทศ สำนักงานประกันสังคม
โทร 0-2956-2535
19 กรกฎาคม 2553