นายอนันต์ชัย อุทัยพัฒนาชีพ ผู้ตรวจราชการกระทรวงแรงงาน ในฐานะโฆษกกระทรวงแรงงาน กล่าวถึงกรณีที่หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ ฉบับวันจันทร์ที่ ๓๐ มกราคม ๒๕๖๐ โดยคอลัมน์ อ๊อด เทอร์โบ ตอบสารพันปัญหาได้เผยแพร่ข้อความของนายจ้างรายหนึ่งใช้นามว่า”นายจ้างแรงงานต่างด้าว”เรื่อง ขอให้พิจารณาแก้ไขข้อจำกัดของบัตรสีชมพูของแรงงานต่างด้าว โดยมีสาระสำคัญเกี่ยวกับสถานที่ทำงานของแรงงานต่างด้าว ซึ่งระบุเลขที่ตามทะเบียนบ้านของนายจ้างที่ไม่ตรงกับสถานที่ทำงานจริง 
           นายอนันต์ชัย กล่าวว่า เรื่องนี้ กรมการจัดหางาน กระทรวงแรงงาน ได้ให้ข้อมูลรายละเอียดว่า ตามพระราชบัญญัติการทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ. ๒๕๕๑ กำหนดให้แรงงานต่างด้าวทำงานตามที่ได้รับอนุญาตจากนายทะเบียน โดยให้แรงงานต่างด้าวยื่นคำขออนุญาตทำงาน ซึ่งนายทะเบียนจะพิจารณาอนุญาตตามข้อเท็จจริงและความจำเป็นที่ต้องจ้างแรงงานต่างด้าว ดังนั้นนายจ้างหรือผู้ประกอบกิจการที่มีความจำเป็นต้องให้แรงงานต่างด้าวทำงานหลายแห่ง สามารถขออนุญาตทำงานให้คลอบคลุมการทำงานดังกล่าวได้ เช่น กรณีนายจ้างประกอบกิจการก่อสร้าง กิจการขนส่งสินค้า หรือกิจการที่มีลักษณะการทำงานเช่นเดียวกัน นายทะเบียนอาจจะพิจารณาอนุญาตทำงานทั้งจังหวัดตามความจำเป็น หรืออนุญาตทำงานในหลายจังหวัดต่อเนื่องกัน เช่น กรณีกิจการขนส่งสินค้าในจังหวัดที่มีระยะทางไกล และต้องผ่านจังหวัดอื่นๆ ระหว่างเดินทาง เป็นต้น โดยกรอกข้อมูลในแบบคำขออนุญาต พร้อมแนบเอกสารหลักฐานอ้างอิง ชำระค่ายื่นคำขออนุญาตทำงาน ๑๐๐ บาท ค่าใบอนุญาตทำงานปีละ ๙๐๐ บาท รวมเป็นเงิน ๑,๐๐๐ บาทต่อแรงงานต่างด้าว ๑ คน 
            ดังนั้น นายจ้างที่ประสบปัญหาเรื่องสถานที่ทำงานของแรงงานต่างด้าว ดังกล่าว อาจยื่นคำขอต่อนายทะเบียนเพื่อพิจารณาอนุญาตให้เพิ่มท้องที่จังหวัด หรือให้ครอบคลุมการทำงานในเขตท้องที่จังหวัดเดียวกันได้ ทั้งนี้ สามารถติดต่อได้ที่สำนักงานจัดหางานกรุงเทพมหานครพื้นที่ ๑ – ๑๐ หรือสำนักงานจัดหางานจังหวัด (ท้องที่ที่แรงงานต่างด้าวยื่นขออนุญาตทำงาน) ซึ่งสำนักงานจัดหางานกรุงเทพมหานครพื้นที่ ๑ – ๑๐ หรือสำนักงานจัดหางานจังหวัดจะออกหนังสือรับรองการอนุญาตทำงานให้ไว้เป็นหลักฐาน ทั้งนี้ หากมีข้อสงสัยสามารถสอบถามได้ที่สายด่วนกรมการจัดหางาน ๑๖๙๔ 
          “พลเอก ศิริชัย ดิษฐกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน มีนโยบายชัดเจนในเรื่องการทำงานของเจ้าหน้าที่ ว่าจะต้องทำงานด้วยความโปร่งใส สะดวก รวดเร็ว ตรวจสอบได้ หากพบการกระทำความผิดทุจริตของเจ้าหน้าที่จะลงโทษขั้นเด็ดขาด” นายอนันต์ชัย กล่าว

————————————–

กลุ่มงานโฆษกและการข่าว/
กองเผยแพร่และประชาสัมพันธ์/
ชนินทร เพ็ชรทับ – ข่าว/
30 มกราคม 2560