นายอนันต์ชัย อุทัยพัฒนาชีพ ผู้ตรวจราชการกระทรวงแรงงาน ในฐานะโฆษกกระทรวงแรงงาน เปิดเผยว่า พลเอก ศิริชัย ดิษฐกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ตระหนักและให้ความสำคัญในการดูแลแรงงานนอกระบบ จำนวนกว่า 21.4 ล้านคน ที่อยู่ในภาคเกษตรกรรม ร้อยละ 56 การค้าและบริการ ร้อยละ 32.9 และภาคการผลิต ร้อยละ 11.1 ซึ่งเป็นกำลังแรงงานส่วนใหญ่ของประเทศที่มีส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ จึงมีนโยบายให้กระทรวงแรงงานเร่งรัดติดตามผลการดำเนินงานที่ผ่านมา แผนการดำเนินงานในปี 2560 ตลอดจนแนวทางการดำเนินการคุ้มครองแรงงานนอกระบบตามแผนยุทธศาสตร์การบริหารจัดการแรงงานนอกระบบ พ.ศ. 2560 – 2564 ให้มีความชัดเจนเป็นรูปธรรมมากขึ้น
           นายอนันต์ชัย กล่าวต่อว่า ผลการดำเนินการคุ้มครองแรงงานนอกระบบในปีที่ผ่านมา กระทรวงแรงงานได้ขยายความคุ้มครองทางสังคมมาตรา 40 ให้แก่แรงงานนอกระบบที่เป็นผู้ประกันตน จำนวน 2.4 ล้านคน สร้างหลักประกันความมั่นคงทางการเงิน โดยการส่งเสริมการเข้าเป็นสมาชิกกองทุนการออมแห่งชาติ ฝึกและส่งเสริมอาชีพตามโครงการจ้างงานเร่งด่วนและพัฒนาทักษะฝีมือ จำนวน 91,199 คน งบประมาณ 95 ล้านบาทเศษ ส่งเสริมและสนับสนุนให้มีเครือข่ายแรงงานนอกระบบเข้ามามีส่วนร่วมคุ้มครองพัฒนาแรงงานนอกระบบทุกระดับ ออกกฎหมาย ออกประกาศกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน เรื่อง แนวปฏิบัติเกี่ยวกับความปลอดภัยอาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงานสำหรับแรงงานนอกระบบ 
           ส่วนแผนการดำเนินงานในปี 2560 นั้น มุ่งเน้นช่วยเหลือด้านอาชีพและรายได้ใน 12 จังหวัดภาคใต้ที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัย เป้าหมาย 8,093 คน งบประมาณกว่า 17 ล้านบาท และจังหวัดอื่นๆ อีกกว่า 20,000 คน เพื่อให้มีรายได้เพิ่มขึ้นคนละ 3,000 บาท จัดทำฐานข้อมูลแรงงานนอกระบบ และขยายความคุ้มครองประกันสังคมมาตรา 40 ทั้งนี้ เพื่อเป็นแนวทางการดำเนินการคุ้มครองแรงงานนอกระบบ ให้สอดคล้องตามแผนยุทธศาสตร์การบริหารจัดการแรงงานนอกระบบ พ.ศ. 2560 – 2564 ที่มุ่งเน้นสร้างหลักประกันทางสังคมและขยายความคุ้มครองให้ทั่วถึง เสริมสร้างองค์ความรู้และพัฒนาสมรรถนะเพื่อการมีงานทำ และเพิ่มสมรรถนะการบริหารจัดการแรงงานนอกระบบในระยะ 5 ปี ต่อไป
            “รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ตระหนักและให้ความสำคัญในเรื่องการคุ้มครองดูแลแรงงานนอกระบบ จึงให้ทุกหน่วยเร่งรัดพัฒนาคุณภาพชีวิต ทั้งด้านความปลอดภัย คุ้มครองทางสังคมตามมาตรา 40 การส่งเสริมอาชีพและรายได้ ให้หลักประกันความมั่นคงในชีวิต ผ่านกองทุนรับงานไปทำที่บ้าน โครงการจ้างงานเร่งด่วน การส่งเสริม SMEs รวมทั้งให้คนรุ่นใหม่ หรือ เจนเนอเรชั่น Y เข้าสู่สายอาชีวะมากขึ้น เพื่อการันตีว่าจบแล้วมีงานทำแน่นอน ซึ่งกระทรวงแรงงานมีสมาร์ทจ็อบเซ็นเตอร์ (Smart Job Center) ไว้บริการรองรับอยู่แล้ว” นายอนันต์ชัย กล่าว
            ทั้งนี้ พี่น้องแรงงาน ลูกจ้าง นายจ้าง และประชาชนทั่วไปสามารถติดต่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ศูนย์ประสานงานและสนับสนุนเครือข่ายแรงงานนอกระบบ สำนักงานแรงงานจังหวัดทุกจังหวัดทั่วประเทศ หรือสอบถามรายละเอียดได้ที่สายด่วนกระทรวงแรงงาน โทรศัพท์ 1506

————————————–

กลุ่มงานโฆษกและการข่าว/
กองเผยแพร่และประชาสัมพันธ์/
ชนินทร เพ็ชรทับ – ข่าว/
14 กุมภาพันธ์ 2560