Skip to main content

สำนักบริหารทรัพยากรบุคคล สำนักงานปลัดกระทรวงแรงงาน

“บิ๊กอู๋” ย้ำ! แรงงานชุมนุมได้ ภายใต้กฎหมายกำหนด

pll_content_description

      วันนี้ (๒๑ ธ.ค. ๖๐) นางเพชรรัตน์ สินอวย รองปลัดกระทรวงแรงงาน ในฐานะโฆษกกระทรวงแรงงาน เปิดเผยภายหลังการประชุมศูนย์ปฏิบัติการกระทรวงแรงงาน (ศปก.รง.) ครั้งที่ ๑๒/๒๕๖๐ ว่า พลตำรวจเอกอดุลย์  แสงสิงแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ได้สั่งการให้กระทรวงแรงงานทำความเข้าใจต่อสังคมกรณีที่พนักงานบริษัท ฟูจิคูระ อิเล็กทรอนิกส์ (ประเทศไทย) จำกัด สาขาปราจีนบุรี จำนวน ๑,๘๘๓ คน และสาขาพระนครศรีอยุธยา จำนวน ๑,๓๙๒ คน รวมทั้งสิ้น ๓,๒๗๕ คน ได้รวมตัวกันชุมนุมเรียกร้องขอเพิ่มเงินโบนัสและสวัสดิการ ประจำปี ๒๕๖๐ โดย รมว.แรงงาน ได้กำชับให้พนักงานประนอมข้อพิพาทแรงงาน สำนักงานสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน จังหวัดปราจีนบุรีและจังหวัดพระนครศรีอยุธยา เจรจาไกล่เกลี่ยข้อพิพาทระหว่างบริษัทฯ กับลูกจ้าง ตาม พ.ร.บ. แรงงานสัมพันธ์ พ.ศ. ๒๕๑๘ โดยเน้นย้ำว่า พนักงานสามารถชุมนุมได้ภายใต้ขอบเขตที่กฎหมายกำหนด และสำหรับประเด็นที่สังคมมีข้อกังวลเกี่ยวกับปัญหาการใช้แรงงานเด็กในการแข่งขันกีฬาชกมวยนั้น โดยส่วนใหญ่แล้วการจัดชกมวยเด็ก ไม่ได้เป็นการจ้างแรงงานในลักษณะนายจ้าง – ลูกจ้าง แต่เกิดขึ้นจากเด็กที่ต้องการมีรายได้ หรือความชื่นชอบส่วนตัว จึงเข้ามาฝึกชกมวยตั้งแต่เล็ก ผู้จัดงานหรือเจ้าของค่ายมวย เมื่อนำเด็กไปขึ้นชก ก็จะมีค่าตอบแทนให้ ซึ่งขณะนี้ คณะอนุกรรมาธิการการกีฬา ได้พิจารณายกร่าง พ.ร.บ.กีฬามวย ให้มีความชัดเจน ถูกต้องตามกฎหมาย เนื่องจากมวยเด็ก ถือเป็นศิลปะการต่อสู้ป้องกันตัวและเป็นวัฒนธรรมประเพณีไทยที่ต้องรักษา การยกร่างพ.ร.บ.กีฬามวยฉบับใหม่ดังกล่าว จะครอบคลุมถึงการกำหนดเรื่องมาตรการการคุ้มครองเด็กไว้ด้วย
      นางเพชรรัตน์ฯ กล่าวต่อว่า กรณีสำนักงานประกันสังคมจังหวัดศรีสะเกษ เรียกเงินชดเชยคืนจากนายสาคร สาชีวะ ที่พบว่ายังมีชีวิตอยู่ หลังจากที่ญาติได้รับแจ้งว่าเสียชีวิต และประกอบพิธีทางศาสนาไปเสร็จสิ้นแล้ว พร้อมทั้งได้ยื่นหลักฐานการเสียชีวิตและรับเงินชดเชยสำหรับผู้ประกันตนกรณีเสียชีวิตไปเรียบร้อยแล้วนั้น จากการตรวจสอบพบว่า สำนักงานประกันสังคม ได้ตรวจสอบเอกสารใบมรณบัตรที่ระบุชื่อผู้ประกันตนชัดเจน ตรงตามข้อมูลในทะเบียนราษฎร์ จึงได้จ่ายประโยชน์ทดแทนกรณีเสียชีวิต เมื่อวันที่ ๒๖ พฤษภาคม ๒๕๖๐ โดยจ่ายค่าทำศพ จำนวน ๔๐,๐๐๐ บาท เงินสงเคราะห์กรณีตาย จำนวน ๒๑,๙๙๙.๘๐ บาท และเงินบำเหน็จชราภาพ จำนวน ๒๘,๒๒๒.๖๖ บาท รวมทั้งสิ้น ๙๐,๒๒๒.๔๖ บาท โดยจ่ายให้ผู้มีสิทธิ ๒ ราย ได้แก่ นางสี สาชีวะ มารดา รับเงินสงเคราะห์กรณีตาย จำนวน ๕๐,๒๒๒.๔๖ บาท และนางอัมพรศรี เหล็กดี พี่สาว รับค่าทำศพ จำนวน ๔๐,๐๐๐ บาท ทั้งนี้ จะต้องตรวจสอบข้อเท็จจริงและเชิญผู้ที่เกี่ยวข้องมาพบเพื่อชี้แจงรายละเอียดการคืนเงินต่อไป

+++++++++++++++++++++++

กองเผยแพร่และประชาสัมพันธ์ / 
ดาวนภา เนาวรังษี – ข่าว / 
๒๑ ธันวาคม ๒๕๖๐

Tags:

TOP