รมว.แรงงานและคณะ หารือข้อราชการด้านแรงงานกับนายอิทธิ์ ซัมเฮง (H.E.ITH SAMHENG) รมว.แรงงานและฝึกอาชีพ แห่งราชอาณาจักรกัมพูชา ผลเจรจาสองฝ่ายชื่นมื่น ทางการกัมพูชายินดีเพิ่มชุดโมบาย เจ้าหน้าที่ตามจำนวนที่เหมาะสม เพิ่มศูนย์ฯ จ.ปทุมธานี จ.นนนทบุรี พร้อมย้ายศูนย์ จ.สงขลา มาตั้ง จ.ชลบุรี และย้ายศูนย์ฯ กรุงเทพมหานคร มาตั้ง จ.สมุทรปราการ ร่วมมือดำเนินการพิสูจน์สัญชาติแรงงาน ทัน 30 มิ.ย.61 เพื่อแรงงานได้ประโยชน์จากสิทธิให้การคุ้มครองตามมาตรฐานแรงงาน
พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน หารือข้อราชการกับ นายอิทธิ์ ซัมเฮง (H.E.ITH SAMHENG) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานและฝึกอาชีพ แห่งราชอาณาจักรกัมพูชา โดยมี นายอนุรักษ์ ทศรัตน์ อธิบดีกรมการจัดหางาน นายปัญญรักษ์ พูลทรัพย์ เอกอัครราชทูต ณ กรุงพนมเปญ และผู้บริหารระดับสูงกระทรวงแรงงานเข้าร่วมด้วย ซึ่งมีประเด็นสำคัญของการเจรจาหารือในครั้งนี้ อาทิ สถานการณ์การพิสูจน์สัญชาติแรงงานกัมพูชา การประเมินความสำเร็จในการดำเนินการพิสูจน์สัญชาติภายใต้ศูนย์ปฏิบัติการการบริหารจัดการเพื่อการทำงานของคนต่างด้าว ความคาดหวังของกระทรวงแรงงาน และการขอความร่วมมือดำเนินการร่วมกันของ 2 ฝ่าย เพื่อสิทธิประโยชน์ของแรงงานกัมพูชาที่จะได้รับการดูแลคุ้มครองในการทำงานตามมาตรฐานสากลและสร้างรายได้ส่งกลับประเทศ
สำหรับผลการเจรจาหารือเพื่อเร่งรัดการพิสูจน์สัญชาติแรงงานกัมพูชาระหว่างทางการไทย-กัมพูชาในครั้งนี้ เป็นไปอย่างชื่นมื่นโดยกระทรวงแรงงานและฝึกอาชีพ กัมพูชา ยินดีที่จะเพิ่มชุดโมบายและเจ้าหน้าที่ตามจำนวนที่เหมาะสม ขยายเวลาการพิสูจน์สัญชาติออกไปจนถึง 30 มิถุนายน 2561 เพิ่มศูนย์พิสูจน์สัญชาติแรงงานอีก 2 แห่ง ได้แก่ จ.ปทุมธานี และ จ. นนทบุรี และย้ายศูนย์ 2 แห่ง จาก จ.สงขลา มาตั้ง ณ จ.ชลบุรี และจาก กรุงเทพมหานคร มาตั้ง ณ จ.สมุทรปราการ ทั้งนี้ ศูนย์พิสูจน์สัญชาติแรงงานกัมพูชาทั้งหมดจะสามารถเริ่มดำเนินการได้ภายในวันที่ 1 มีนาคม 2561 ซึ่งจะมีระยะเวลา 120 วัน ในการดำเนินการ โดยแผนดำเนินการดังกล่าวจะสามารถให้บริการแรงงานได้วันละ 4,000 คน
ทั้งนี้ ปัจจุบันแรงงานกัมพูชาที่ต้องดำเนินการพิสูจน์สัญชาติ 595,986 คน ผ่านการพิสูจน์สัญชาติแล้ว 197,799 คน เหลือแรงงานที่ต้องดำเนินการพิสูจน์สัญชาติ 398,187 คน ซึ่งการหารือของทั้งสองประเทศในครั้งนี้จะสามารถทำให้เกิดความร่วมมือที่แน่นแฟ้นมากยิ่งขึ้น ในความร่วมมือสนับสนุนด้านเครื่องมือและเจ้าหน้าที่ตามจำนวนที่เหมาะสม เพื่อให้กระบวนการพิสูจน์สัญชาติแรงงานกัมพูชาทั้งหมดสามารถดำเนินการได้ตามแผนที่กำหนดและแล้วเสร็จทันเวลาภายใน 30 มิถุนายน 2561 ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อชาวกัมพูชาที่เข้ามาทำงานในประเทศไทยที่จะได้รับความคุ้มครองตามหลักกฎหมายไทย สามารถเดินทางเข้าออกประเทศไทยได้อย่างถูกต้อง รวมทั้งยังลดความเสี่ยงต่อการตกเป็นเหยื่อของกระบวนการค้ามนุษย์และการถูกเอารัดเอาเปรียบต่างๆ ได้อีกด้วย
กลุ่มงานโฆษกและการข่าว/
กองเผยแพร่และประชาสัมพันธ์ – ข่าว/
สมภพ ศีลบุตร – ภาพ/
13 กุมภาพันธ์ 2561