Skip to main content

สำนักบริหารทรัพยากรบุคคล สำนักงานปลัดกระทรวงแรงงาน

พิพัฒน์บินอิสราเอลเจรจาดูแล รง.ไทย กำชับเร่งจ่ายเงินช่วยเหลือให้จบ มิ.ย.นี้

pll_content_description

           นายภูมิพัฒน์ เหมือนจันทร์ โฆษกกระทรวงแรงงาน เปิดเผยถึงความคืบหน้าการช่วยเหลือแรงงานไทยที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ความไม่สงบในประเทศอิสราเอล ว่า กระทรวงแรงงานได้จ่ายเงินช่วยเหลือตามโครงการเยียวยา 50,000 บาท ให้แก่ผู้มีสิทธิและทายาทแล้ว 9,309 คน จากจำนวนผู้ที่ยื่นขอรับเงินทั้งหมด 9,384 คน หรือคิดเป็น 99.34% รวมเป็นเงิน 465,450,000 บาท และจ่ายเงินจากกองทุนเพื่อช่วยเหลือคนหางานไปทำงานในต่างประเทศแล้ว 9,892 คน จากผู้ยื่นขอรับเงิน 11,101 คน หรือคิดเป็น 97.93% รวมเป็นเงิน 144,270,000 บาท ส่วนที่เหลืออยู่ระหว่างดำเนินการด้านเอกสารและรออนุมัติ นอกจากนี้ ผู้ที่ได้รับผลกระทบจะได้รับเงินช่วยเหลือจากสถาบันประกันภัยแห่งชาติอิสราเอลอีกด้วย สำหรับตัวเลขล่าสุดมีแรงงานไทยเสียชีวิต 41 คน และยังมีตัวประกันที่ถูกจับตัวอยู่อีก 6 คน โดยรายที่เสียชีวิตและมีสิทธิได้รับเงินช่วยเหลือจากกองทุนประกันสังคมจำนวน 35 ราย ทางสำนักงานประกันสังคมได้จ่ายเงินช่วยเหลือให้แก่ทายาทแล้ว 1,367,860.70 บาท ทั้งนี้ นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รมว.รง.ได้กำชับให้ทุกหน่วยเร่งดำเนินการจ่ายเงินหรือประสานผู้เกี่ยวข้องเพื่อให้ทุกอย่างเรียบร้อยภายในเดือน มิ.ย.นี้

            โฆษกกระทรวงแรงงานกล่าวว่า รมว.รง.และคณะ จะเดินทางไปอิสราเอลในระหว่างวันที่ 26 – 29 พ.ค.นี้ ตามคำเชิญของเอกอัครราชทูตรัฐอิสราเอลประจำประเทศไทย เพื่อไปติดตามสถานการณ์ โดยจะขอให้อิสราเอลดูแลความปลอดภัยแรงงานไทยให้ทำงานในพื้นที่สีเขียวเท่านั้นและช่วยเร่งรัดการจ่ายค่าจ้างค้างจ่ายหรือเงินปิซูอิมให้แก่แรงงานไทยที่ครบกำหนดสัญญาการทำงานและที่เดินทางกลับประเทศไทยจากภาวะสงคราม การเพิ่มโควต้าแรงงานไทยในภาคเกษตรและการจัดตั้ง Deposit Fund เพื่อสร้างหลักประกันให้กับแรงงานภาคเกษตรที่สิ้นสุดสัญญาจ้าง รวมทั้งขอโอกาสในการจัดส่งแรงงานก่อสร้างไปทำงานในอิสราเอลด้วย โดยทางคณะจะได้พบหารือกับ รมว.มหาดไทย รมว.แรงงาน รมว.เกษตรและพัฒนาชนบทของอิสราเอล ผู้แทนสำนักงานประชากรและตรวจคนเข้าเมืองอิสราเอล และบริษัทนายจ้างของอิสราเอลอีกด้วย

            “เมื่อสัปดาห์ที่แล้วกระทรวงแรงงานได้ประกาศยกเลิกการชะลอการจัดส่งแรงงานไทยไปทำงานในรัฐอิสราเอลแล้ว เพราะทางการอิสราเอลให้ความเชื่อมั่นกับไทยและมีความต้องการแรงงานไทยมากถึงกว่า 20,000 อัตรา ส่วนแรงงานไทยก็มีความประสงค์จะไปทำงานในอิสราเอลเช่นกัน ซึ่งการเดินทางไปอิสราเอลของ รมว.รง. ครั้งนี้ จะเป็นการยืนยันและสร้างความมั่นใจให้กับพี่น้องคนไทยได้เป็นอย่างดี โดยหากมีความไม่ปลอดภัยหรือมีข้อติดขัดอะไรก็จะต้องรีบแก้ไข เพื่อคุ้มครองดูแลแรงงานไทยให้ดีที่สุด” นายภูมิพัฒน์ กล่าว

Tags:

TOP