Skip to main content

สำนักบริหารทรัพยากรบุคคล สำนักงานปลัดกระทรวงแรงงาน

‘พิพัฒน์’ ระดมหัวกะทิกว่า 150 คน ถกด้านแรงงาน ขับเคลื่อนการพัฒนากำลังคน ปี 2568-2570

pll_content_description

วันที่ 10 มกราคม 2568 เวลา 11.00 น. นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เป็นประธานเปิดโครงการสัมมนาเชิงปฏิบัติการระดมสมองเพื่อจัดทำ (ร่าง) แผนพัฒนาฝีมือแรงงานรองรับการเพิ่มรายได้และผลิตภาพแรงงาน พ.ศ. 2568 – 2570 (Master Plan) โดยมี นายภุชงค์ วรศรี ประจำสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ปฏิบัติหน้าที่ประจำกระทรวงแรงงาน ในการนี้ นายบุญสงค์ ทัพชัยยุธ์ ปลัดกระทรวงแรงงาน มอบหมายให้ นายสมาสภ์ ปัทมะสุคนธ์ รองปลัดกระทรวงแรงงาน เข้าร่วม นายเดชา พฤกษ์พัฒนรักษ์ อธิบดีกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน กล่าวรายงาน นายสมชาย มรกตศรีวรรณ อธิบดีกรมการจัดหางาน พร้อมด้วยผู้บริหารเข้าร่วม ณ โรงแรมเซ็นทารา ไลฟ์ ศูนย์ราชการและคอนเวนชันเซ็นเตอร์ แจ้งวัฒนะ กรุงเทพฯ

นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เปิดเผยว่า ทั่วโลกเผชิญกับปัจจัยการเปลี่ยนแปลงต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ การเข้าสู่สังคมสูงอายุ การเข้าสู่ยุคดิจิทัล รวมถึงสหรัฐอเมริกาที่มีการเปลี่ยนแปลงประธานาธิบดีใหม่ นโยบายที่เปลี่ยนจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจ สังคม และตลาดแรงงานทั่วโลก รวมถึงประเทศไทย ทำให้เกิดความต้องการแรงงานที่มีทักษะหลากหลาย ทั้ง Hard Skills และ Soft Skills เช่น ทักษะด้านเทคโนโลยีดิจิทัล การคิดเชิงวิพากษ์ ทักษะในการปรับตัว ต้องอาศัยความร่วมมือทุกภาคส่วนทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาสังคม ขับเคลื่อนตามแผนแม่บท (Master Plan) ซึ่งเป็นแผนใหญ่ที่เชื่อมโยงกับแผนต่าง ๆ เพื่อพัฒนาทักษะของแรงงานในภาพรวมของประเทศให้ตอบสนองความต้องการตลาดแรงงานได้อย่างแท้จริง ซึ่งท่านอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ให้ความสำคัญและเน้นย้ำการพัฒนากำลังคนตามแผนและกลไกในรูปแบบ กพร.ปช เพื่อเสริมสร้างขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ โดยเฉพาะแรงงานในภาคอุตสาหกรรม ภาคบริการ ภาคเกษตร หรือแม้แต่แรงงานนอกระบบเพื่อเพิ่มผลิตภาพแรงงานอย่างเท่าเทียมกัน

ด้าน นายเดชา พฤกษ์พัฒนรักษ์ อธิบดีกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน กล่าวเสริมว่า การสัมมนาครั้งนี้ เพื่อรับฟังความคิดเห็น และข้อเสนอแนะจากทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องในการจัดทำ (ร่าง) แผน Master Plan ซึ่งเป็นผู้แทนจากหน่วยงานทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน สถาบันการศึกษา และภาคแรงงาน จำนวน 150 คน โดยจะนำข้อมูลที่ได้ในครั้งนี้ไปวิเคราะห์และสังเคราะห์ เสนอต่อคณะ กพร.ปช. พิจารณา เพื่อนำไปสู่การปฏิบัติได้อย่างเป็นรูปธรรมต่อไป

Tags:

TOP