วันที่ 24 มิถุนายน 2567 นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ตรวจเยี่ยมให้กำลังใจพร้อมมอบโอวาทแก่แรงงานไทย 309 คน ที่เข้ารับการอบรมก่อนเดินทางไปทำงานรัฐอิสราเอล โดยมี นายธนัสถ์ ทวีเกื้อกูลกิจ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน นายอารี ไกรนรา เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน นายภุชงค์ วรศรี ประจำสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ปฏิบัติหน้าที่ประจำกระทรวงแรงงาน นายไพโรจน์ โชติกเสถียร ปลัดกระทรวงแรงงาน นายเดชา พฤกษ์พัฒนรักษ์ รองปลัดกระทรวงแรงงาน นางสาวกรจิรัฏฐ์ พงจันทร์ศธร ผู้ช่วยปลัดกระทรวงแรงงาน นายสมชาย มรกตศรีวรรณ อธิบดีกรมการจัดหางาน กล่าวรายงาน ผู้บริหารกระทรวงแรงงาน และผู้เข้ารับการอบรม ร่วมพิธี ณ ห้องประชุมชั้น 5 อาคารกระทรวงแรงงาน
นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เปิดเผยว่า กระทรวงแรงงานให้ความสำคัญกับความปลอดภัยของแรงงานไทยเป็นลำดับแรก โดยหลังจากกรมการจัดหางานประกาศ “ยกเลิกการชะลอการจัดส่งแรงงานไทยไปทำงานในรัฐอิสราเอล ทุกวิธีการเดินทาง” ภายใต้เงื่อนไขว่าแรงงานไทยจะเดินทางไปทำงานใน “พื้นที่สีเขียว” ซึ่งเป็นพื้นที่ปลอดภัย ล่าสุดได้เตรียมจัดส่งแรงงานไทยไปทำงานภาคเกษตรในรัฐอิสราเอล ระหว่างเดือนมิถุนายน – กรกฎาคมแล้ว จำนวน 540 คน โดยก่อนเดินทางไปทำงานรัฐอิสราเอล จะต้องมีการอบรมคนหางาน เพื่อเตรียมความพร้อมให้แรงงานไทยมีความรู้ความเข้าใจ ทราบเงื่อนไขตามสัญญาจ้างงาน สภาพการจ้าง และขนบธรรมเนียม วัฒนธรรม ประเพณี ทราบสิทธิประโยชน์ และการคุ้มครองคนหางานตามกฎหมาย รวมทั้งทราบช่องทางขอความช่วยเหลือจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกรณีเกิดปัญหาขณะทำงาน แนวปฏิบัติ/รับมือ สถานการณ์ฉุกเฉิน/ภาวะสงคราม ซึ่งครั้งนี้ถือเป็นครั้งแรกที่จะจัดส่งแรงงานไทยไปทำงานรัฐอิสราเอล หลังชะลอการเดินทางมากกว่า 8 เดือน วันนี้จึงมีแรงงานไทยเข้ารับการอบรมก่อนเดินทางไปทำงานภาคเกษตรในรัฐอิสราเอลถึง 309 คน ทั้งหมดจะทยอยเดินทางในวันที่ 25 – 26 มิถุนายน 2567 และวันที่ 2 – 3 กรกฎาคม 2567 ทั้งนี้คาดว่าจะสามารถส่งแรงงานไทยไปทำงานรัฐอิสราเอลตามเป้าหมาย 10,000 คน ภายในปีนี้
นายพิพัฒน์ กล่าวต่อไปว่า จากการพูดคุยกับพี่น้องแรงงานไทยที่เข้ารับการอบรมก่อนเดินทางไปทำงานรัฐอิสราเอล ทราบว่าส่วนใหญ่มีภูมิลำเนาอยู่ในจังหวัดอุดรธานี เชียงราย นครพนม บุรีรัมย์ นครราชสีมา ซึ่งผมได้แสดงความยินดีกับทุกคน พร้อมกำชับทุกคนให้รับผิดชอบงานที่ได้รับมอบหมายให้ดีที่สุด อดทนเพื่อครอบครัวที่รออยู่ด้านหลัง วางแผนเก็บออม เพื่อมีทุนกลับมาต่อยอด สร้างอนาคตให้ตนเองและครอบครัว ที่สำคัญต้องไม่ยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด สิ่งมึนเมา และการพนันทุกชนิด สุดท้ายเพื่อความปลอดภัยต้องปฏิบัติตนตามมาตรการของรัฐอิสราเอลอย่างเคร่งครัด โดยวันพรุ่งนี้คณะผู้บริหารกระทรวงแรงงานมีกำหนดเดินทางไป ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิเพื่อส่งกำลังใจให้แรงงานไทยชุดแรก ที่จะเดินทางไปทำงานรัฐอิสราเอล
ด้านนายสมชาย มรกตศรีวรรณ อธิบดีกรมการจัดหางาน กล่าวว่า ปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 มีการจัดส่งคนหางานไปทำงานต่างประเทศแล้ว 67,208 คน โดยรัฐอิสราเอลถือเป็นประเทศหนึ่งใน 5 อันดับแรก ที่แรงงานไทยมีความประสงค์ที่จะเดินทางไปทำงาน (5 ประเทศแรกที่คนไทยไปทำงานมากที่สุด ได้แก่ ไต้หวัน สาธารณรัฐเกาหลี ญี่ปุ่น รัฐอิสราเอล และมาเลเซียตามลำดับ) โดยทำงานภาคเกษตรเป็นลำดับแรก รองลงมา คือ ภาคบริการและร้านอาหาร ในตำแหน่ง หัวหน้าพ่อครัว และคนปรุงอาหาร ในร้านอาหารไทย จีน และญี่ปุ่น ซึ่งกำลังได้รับความนิยมในรัฐอิสราเอล ปัจจัยหลักส่วนหนึ่ง มาจากรายได้ ซึ่งเฉลี่ยอยู่ที่ 50,000 – 55,000 บาทต่อเดือน
“รัฐบาลไทยตระหนักถึงความปลอดภัยของแรงงานไทยเป็นสำคัญ จากการเยือนรัฐอิสราเอลเมื่อปลายเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา ท่านรัฐมนตรีพิพัฒน์ได้ขอความร่วมมือรัฐบาลอิสราเอลช่วยเน้นย้ำนายจ้างให้ดูแลความปลอดภัยแรงงานไทยให้ทำงานในพื้นที่สีเขียวเท่านั้น ไม่อนุญาตแรงงานไทยเปลี่ยนนายจ้าง/สถานที่ทำงาน ไปทำงานในพื้นที่สีเหลือง หรือสีแดง รวมถึงให้นายจ้างจัดทำที่หลบภัยที่แข็งแรงและปลอดภัยเพียงพอ” อธิบดีกรมการจัดหางาน กล่าว
สำหรับผู้ที่สนใจเดินทางไปทำงานต่างประเทศ สามารถติดตามข่าวสารการประกาศรับสมัครได้ที่เว็บไซต์ doe.go.th/overseas และสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ สำนักงานจัดหางานจังหวัดทุกจังหวัด หรือสำนักงานจัดหางานกรุงเทพมหานครพื้นที่ 1-10 หรือที่สายด่วนกระทรวงแรงงาน โทร.1506 กด 2 กรมการจัดหางาน หรือสายด่วนกรมการจัดหางาน โทร. 1694