รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ‘ลง’สงขลา ดูความพร้อมเขตเศรษฐกิจพิเศษอำเภอสะเดา หาแนวทางจัดรูปแบบการบริหารจัดการด้านแรงงานให้สอดคล้อง ชี้การพัฒนาต้องดูครบทุกมิติในแต่ละพื้นที่ ที่สำคัญต้องตอบโจทย์คนในพื้นที่ได้  พร้อมทบทวนความจำเป็นการใช้แรงงานต่างด้าวในกิจการการส่งเสริมการลงทุน แต่ภาคเอกชนจะต้องร่วมมือภาครัฐเพื่อให้เกิดความเรียบร้อย

            พลเอก สุรศักดิ์ กาญจนรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน กล่าวภายหลังการรับฟังความคิดเห็นภาครัฐและเอกชน  ในความพร้อมของอำเภอสะเดา จังหวัดสงขลา ที่จะได้รับการส่งเสริมเป็นเขตเศรษฐกิจพิเศษ ซึ่งคงยังต้องมีการเตรียมความพร้อมอยู่พอสมควร และควรมีการนำเสนอที่ดีให้ประชาชนและคนในพื้นที่เห็นภาพได้ชัดว่าหากพัฒนาพื้นที่เป็นเขตเศรษฐกิจพิเศษแล้ว จะเกิดประโยชน์กับประชาชนอย่างไร

           ทั้งนี้การเป็นเขตเศรษฐกิจพิเศษ คือ ต้องการให้พื้นที่นั้นมีความเจริญ เอื้อต่อการลงทุน แต่สิ่งที่ต้องคำนึง คือ ประชาชนในพื้นที่ที่ได้รับการส่งเสริมต้องมีความสุขอย่างยั่งยืน ถือเป็นการคืนความสุขให้คนไทย แต่หากมีการพัฒนาไปแล้วทำให้คนไทยไม่มีความสุขก็ถือว่าไม่เป็นไปตามนโยบาย โดยการพัฒนาต้องดูครบในทุกมิติให้ทุกพื้นที่ที่ได้รับการส่งเสริมมีความเจริญ และมีความสุขก็ถือว่าได้ตอบโจทย์ตามนโยบายของนายกรัฐมนตรี

            สำหรับพื้นที่ที่มีการส่งเสริมการลงทุน ที่ผู้ประกอบการจะได้รับแรงจูงใจจากภาครัฐในมาตรการต่างๆ อาทิ การลดหย่อนภาษี ส่วนการอนุญาตให้ใช้แรงงานต่างด้าวไร้ฝีมือทำงานนั้น หากมีความจำเป็นก็คงต้องนำกลับไปทบทวนถึงความจำเป็น ซึ่งหากอนุญาตให้มีการใช้แรงงานต่างด้าวไร้ฝีมือ ผู้ประกอบการก็ต้องมีการบริหารจัดการให้แรงงานต่างด้าวอยู่ในกรอบและระบบที่ดี  โดยภาคเอกชนจะต้องร่วมมือภาครัฐเพื่อให้เกิดความเรียบร้อยในส่วนนี้

            นอกจากนี้ พลเอก สุรศักดิ์ฯ ได้กล่าวถึงการจัดตั้งศูนย์วันสต๊อปเซอร์วิสที่หน่วยงานในสังกัดกระทรวงแรงงานเสนอให้มีการจัดตั้งขึ้นในพื้นที่อำเภอสะเดาว่า ศูนย์วันสต๊อปเซอร์วิสที่จะจัดตั้งขึ้น
ไม่จำเป็นต้องใหญ่โตมากหากจะต้องอยู่ในที่ที่ไปมาสะดวก มีการวางระบบการบริหารจัดการที่ดี  สามารถให้บริการประชาชนให้ได้รับความสะดวกและเข้าถึงการบริการได้ ขณะเดียวกันได้ให้สำนักงานประกันสังคมไปทบทวนหลักเกณฑ์การให้กู้สำหรับสถานประกอบการในพื้นที่ชายแดนใต้ให้ครอบคลุมในส่วนของอ.สะเดาด้วย โดยในโอกาสเดียวกันนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานได้ไปตรวจเยี่ยมการดำเนินงานของด่านศุลกากรสะเดาและด่านปาดังเบซาร์ด้วย

          สำหรับการค้าชายแดนไทย-มาเลเซียในปี ๒๕๕๖ มีมูลค่า ๕๐๑,๔๐๑ ล้านบาท เป็นการส่งออก ๒๘๘,๐๕๑ ล้านบาท นำเข้า ๒๑๓,๓๕๐ ล้านบาท ดุลการค้า ๗๔,๗๐๐ ล้านบาท มีด่านชายแดน ๓ ด่าน คือ ด่านศุลกากรสะเดา ด่านปาดังเบซาร์ และด่านประกอบ
           ในโอกาสเดียวกัน นายสุเมธ มโหสถ อธิบดีกรมการจัดหางาน ได้ตรวจเพื่อเตรียมความพร้อมระบบศูนย์บริการจัดหางานเพื่อคนไทย (Smart Job Center) อำเภอ หาดใหญ่ ซึ่งผู้ต้องการหางานสามารถมารับบริการจัดหางานของศูนย์ฯ  เพียงเสียบบัตรประชาชนเชื่อมต่ออุปกรณ์คอมพิวเตอร์ก็จะมีข้อมูลการสมัครงานของเจ้าของบัตรขึ้นมาทันที ผู้หางานสามารถกรอกข้อมูลความต้องการสมัครงาน อีกทั้งยังสามารถทำประวัติข้อมูลการสมัครงานของตนเองเข้าไปนำเสนอไว้ ส่วนนายจ้างก็สามารถสัมภาษณ์ผู้ต้องการหางานโดยผ่านระบบวีดิโอไลน์ และในระยะต่อไปจะสามารถขยายต่อเชื่อมโยงกับความถนัดและความต้องการฝึกฝีมือของผู้ต้องการหางานได้ด้วย อีกทั้งเมื่อผู้ต้องการหางานมาสมัครงานครบ ๑ เดือนแต่ยังไม่สามารถหางานได้ ทางศูนย์ฯ จะมีการแนะแนวอาชีพให้ผู้ต้องการหางานต่อไป 
 

*********************************
กลุ่มงานเผยแพร่ประชาสัมพันธ์

กัณติภณ คูสมิทธิ์ ข่าว/
สมภพ ศีลบุตร ภาพ/
๑๑ ธันวาคม ๒๕๕๗