วันที่ 18 มกราคม 2567 เวลา 08.30 น.นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน มอบหมายให้ นายอารี ไกรนรา เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เป็นประธานการประชุมหารือพร้อมรับยื่นหนังสือจาก นายไพทูรย์ โพธิ์ทอง ตัวแทนพนักงานรักษาความปลอดภัย (รปภ.) และคณะ ที่ได้นำตัวแทนพนักงานอาชีพ รปภ.จำนวนประมาณ 100 คน รวมตัวกันเพื่อขอให้ช่วยพิจารณาร่างกฎหมายการจ่ายค่าล่วงเวลาพนักงานรักษาความปลอดภัยในส่วนที่เกิน 8 ชั่วโมงหรือการทำงานในวันหยุด ให้ได้รับเท่ากันกับลูกจ้างอื่นทั่วไปนั้น ซึ่งพนักงาน รปภ.มีความประสงค์ไม่ขอรับโอที 1.5 เท่า เนื่องจากหากนายจ้างให้ทำงานเพียง 8 ชั่วโมง ทำให้รายได้ไม่เพียงพอต่อค่าใช้จ่ายเลี้ยงดูครอบครัว โดยมี นายวรรณรัตน์ ศรีสุขใส รองปลัดกระทรวงแรงงาน นางสาวกาญจนา พูลแก้ว รองอธิบดีกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน พร้อมด้วย คณะที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน และเจ้าหน้าที่ฝ่ายกฎหมายกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน เข้าร่วม ณ บริเวณลานด้านหน้าอาคารกระทรวงแรงงาน
          นายอารี กล่าวว่า ในวันนี้ผมได้รับมอบหมายจากท่านพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน พร้อมด้วยท่านรองปลัดกระทรวงแรงงาน รองอธิบดีกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน คณะที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน และเจ้าหน้าที่ฝ่ายกฎหมายกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน ได้มาหารือร่วมกับตัวแทนพนักงานอาชีพ รปภ.ที่ได้มายื่นหนังสือ ซึ่งในเรื่องนี้ท่านรัฐมนตรีมีความห่วงใย จึงให้ผมได้มาพบปะพูดคุยกับทุกท่านด้วยตนเอง เรื่องอะไรที่เป็นอำนาจที่รัฐมนตรีตัดสินใจได้ก็ตัดสินใจไป แต่อะไรที่ว่ากันด้วยเรื่องระเบียบข้อกฎหมายก็ว่ากันไปตามนั้น ซึ่งกระทรวงแรงงานเราให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย โดยในเรื่องนี้จะได้มีเชิญทุกฝ่ายทั้งบริษัท รปภ. ผู้ว่าจ้าง ตัวแทน รปภ.และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อหารือร่วมกันในวันที่ 23 มกราคมนี้
          ด้าน นายไพทูรย์ โพธิ์ทอง ตัวแทนพนักงานรักษาความปลอดภัย (รปภ.) กล่าวว่า ในวันนี้การที่พนักงาน อาชีพ รปภ.เดินทางมากระทรวงแรงงานก็เพื่อที่จะขอความอนุเคราะห์กระทรวงแรงงานในเรื่องที่เรากังวลเกี่ยวกับร่างกฎหมายการจ่ายค่าล่วงเวลาพนักงานรักษาความปลอดภัยในส่วนที่เกิน 8 ชั่วโมงหรือการทำงานในวันหยุด ว่า ผู้ว่าจ้างอาจจะไม่จ่ายโอที แต่จะไปเลือกจ้างพนักงาน 3 กะแทน ถ้าเป็นเช่นนั้นจะทำให้พี่น้องอาชีพ รปภ.ได้รับความเดือดร้อน รายได้ไม่เพียงพอต่อภาระเลี้ยงดูครอบครัว จึงขอให้กระทรวงแรงงานช่วยพิจารณาในเรื่องนี้ และในนามตัวแทนพนักงาน รปภ.ต้องขอขอบคุณท่านเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ที่ท่านเห็นความสำคัญของอาชีพ รปภ. และลงมารับยื่นหนังสือด้วยตัวเอง และหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะได้รับการพิจารณาเป็นไปในแนวทางที่ดีขึ้นต่อไป

+++++++++++++++++++

กองเผยแพร่และประชาสัมพันธ์