![]() |
หลังตรวจเยี่ยมแรงงานในศูนย์พักพิง วัดไร่ขิง นครปฐม รมว.แรงงาน พร้อมรองนายกฯ เปิดใจ รัฐบาลผ่อนผันให้แรงงานต่างด้าวที่ประสบอุทกภัยออกนอกพื้นที่ทำงานแล้ว พร้อมประสานขอความร่วมมือ พม.คัดแยกแรงงานต่างด้าวจากศูนย์อพยพต่างๆ มายังศูนย์ช่วยเหลือที่ จ.นครปฐม “โกวิทสั่งให้เจ้าหน้าที่อำนวยความสะดวกแรงงานต่างด้าวอพยพหนีน้ำท่วม ขณะที่แรงงานต่างด้าวบางส่วนต้องการทำงานในไทยต่อไป |
26 ต.ค. 2554 นายเผดิมชัย สะสมทรัพย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เดินทางไปยังศูนย์พักพิงเพื่อรองรับแรงงานต่างด้าวที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัย ที่โรงเรียนมัธยมวัดไร่ขิง อ.สามพราน จ.นครปฐม (Flood Relief and Assistance Centre for Migrant Workers / Department of Employment Ministry of Labour) ซึ่งได้มอบหมายให้กรมการจัดหางาน และทุกหน่วยในสังกัดจัดตั้งศูนย์พักพิงเพื่อรองรับแรงงานต่างด้าวที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัย ที่วัดไร่ขิง แห่งนี้ โดยเบื้องแรกได้มีการย้ายจากส่วนที่อยู่ในศูนย์พักพิงฯดอนเมืองมาก่อน ติดต่อขอรับบริการสายด่วนกรมการจัดหางาน 1694
ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 25 ตุลาคม 2554 ที่ศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย (ศปภ.) ดอนเมือง นางฐิติมา ฉายแสง โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงผลการประชุมครม.ว่า นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีมีคำสั่งมอบหมายความรับผิดชอบป้องกันดูแลพื้นที่สำคัญและช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่กทม.และปริมณฑล โดยนายเผดิมชัย สะสมทรัพย์ รมว.แรงงาน ร่วมดูแลศูนย์พักพิงร่วมกับกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.)
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เปิดเผยภายหลังตรวจเยี่ยมภายในศูนย์แล้วว่า ในวันนี้ได้มาตรวจเยี่ยมดูแลความเรียบร้อยของศูนย์ฯ และรับฟังคำแนะนำ การปรึกษาจากตัวแทนองค์กรพัฒนาเอกชน อาทิ ไอโอเอ็ม หรือองค์การระหว่างประเทศเพื่อการโยกย้ายถิ่นฐาน (International Organization for Migration) ในองค์การสหประชาชาติ (UN : United Nations) และผู้ประสานงานนโยบายไมแกรนท์เวิร์คกิงกรุ๊ป (Migrant Working Group) เป็นต้น โดยตนได้ชี้แจงทำความเข้าใจว่า ที่ศูนย์ฯ วัดไร่ขิงนี้ สามารถรับผู้อพยพหนีจากอุทกภัยได้ราว 1,000 คน ขณะนี้ได้รับทั้งแรงงานต่างด้าวและแรงงานไทยเข้ามาพักพิงแล้วราว 412 คน แบ่งเป็นแรงงานสัญชาติพม่า 179 คน กัมพูชา 108 คน ลาว 123 คน และสัญชาติอื่นๆ 2 คน ซึ่งหากศูนย์แห่งนี้เต็มก็สามารถไปเปิดศูนย์ยังหอประชุมที่ว่าการอำเภอบางเลน และศาลาอเนกประสงค์อำเภอนครชัยศรี หอประชุมที่ว่าการอำเภอสามพราน จังหวัดนครปฐม ต่อไป
นายเผดิมชัย ระบุด้วยว่า กระทรวงแรงงานได้แยกแยะแรงงานต่างด้าวที่ศูนย์แห่งนี้ออกเป็น 3 กลุ่มได้แก่ 1.กลุ่มที่เข้ามาไทยโดยระบบเอ็มโอยูกับประเทศเพื่อนบ้าน 2.กลุ่มที่ผ่อนผันให้อยู่ในไทยชั่วคราวและ3.กลุ่มที่ลักลอบเข้ามาอยู่ในไทยโดยผิดกฎหมาย โดยได้ประสานกับเจ้าหน้าที่สถานทูตของแรงงานต่างด้าวทั้ง 3 สัญชาติ คือ ลาว กัมพูชา และพม่า เพื่อมาตั้งโต๊ะสำหรับชี้แจงให้มีการลงทะเบียน ออกหนังสือแสดงความเป็นประชากรในประเทศนั้นๆ หรือ ซีไอ อีกทั้งหากแรงงานต่างด้าวที่ประสบภัยน้ำท่วมต้องการกลับประเทศต้นทาง ทางกระทรวงแรงงานก็ได้ประสานไปยังรัฐบาลประเทศเพื่อนบ้านแล้ว ขอให้ช่วยดูแลโดยใช้ระบบรัฐต่อรัฐเพื่อให้เกิดความสะดวกมากที่สุด
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน กล่าวอีกว่า รัฐบาลได้ผ่อนผันให้แก่แรงงานต่างด้าว ในการเคลื่อนย้ายออกนอกพื้นที่ประสบอุทกภัยแล้ว โดยขอความร่วมมือเจ้าหน้าที่ตำรวจงดเว้นการจับกุม อย่างไรก็ดี ต่อเรื่องนี้ตนก็ยังได้ขอความร่วมมือไปยังกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์(พม.)ในการคัดแยกแรงงานต่างด้าวจากศูนย์อพยพต่างๆ และอพยพมาพักที่ศูนย์ช่วยเหลือฯ ที่โรงเรียนวัดไร่ขิงวิทยาแห่งนี้ นอกจากนี้ ได้รับแจ้งจากสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (สตม.) ว่า ตั้งแต่ปัญหาอุทกภัยเริ่มบานปลายมีแรงงานต่างด้าวเดินทางออกนอกประเทศแล้วกว่า 5 หมื่นคน เฉลี่ยวันละ 3-4 พันคน ส่วนการเข้ารักษาพยาบาลของแรงงานต่างด้าวนั้น ขณะนี้ทางสำนักงานประกันสังคม (สปส.) และกระทรวงสาธารณสุข(สธ.) ได้ให้ผ่อนผันให้แรงงานต่างด้าวสามารถเข้ารักษาพยาบาลได้ในสถานพยาบาลทุกแห่งในเครือข่ายประกันสังคมและสถานพยาบาลในสังกัดสธ.
ด้านพล.ต.อ.โกวิท วัฒนะ รองนายกรัฐมนตรี ซึ่งเดินทางมาตรวจเยี่ยมศูนย์ แห่งนี้ด้วย ได้กล่าวว่า ปัญหาอุทกภัยในขณะนี้ทุกคนต้องร่วมมือกันและช่วยเหลือกัน โดยไม่เลือกปฏิบัติว่าเป็นคนชาติใด ภาษาใด หากพบเห็นว่ามีการคุกคามหรือเอาเปรียบแรงงานต่างด้าวทั้งจากเจ้าหน้าที่รัฐ และประชาชนทั่วไปขอให้แจ้งมายังทางการ หากมีการแจ้งเบาะแสเป็นข้อมูลชัดเจนมีหลักฐานก็จะดำเนินการตามกฎหมายอย่างจริงจัง
นางพิบุน วัย 22 ปี แรงงานต่างด้าวสัญชาติลาว ที่อพยพหนีภัยน้ำท่วมมาที่ศูนย์ฯ ในโรงเรียนมัธยมวัดไร่ขิงวิทยา แห่งนี้ กล่าวว่า ตนพร้อมกับเพื่อนๆ 177 คน ทำงานที่โรงงานทอผ้าแห่งหนึ่งในอำเภอบางปะอิน จ.พระนครศรีอยุธยา และประสบภัยน้ำท่วม ดังนั้นนายจ้างจึงให้อพยพมาอยู่ที่ศูนย์แห่งนี้ ซึ่งศูนย์ให้การดูแลเป็นอย่างดี ทั้งเรื่องที่พักอาศัย อาหาร และเครื่องอุปโภคบริโภค ทั้งนี้หลังน้ำลดแล้ว ตนอยากจะกลับไปทำงานที่เดิม แต่หากกลับเข้าทำงานที่เดิมไม่ได้ ก็คงจะต้องเดินทางกลับประเทศลาว
“ตอนน้ำท่วมโรงงานที่อยุธยา รู้สึกกลัวมาก และช่วงอพยพก็เดินทางไปไหนมาไหนไม่สะดวก เพราะพาสปอร์ตฝากไว้กับนายหน้า และยังต้องเสียค่าใช้จ่ายในการเดินทางเข้ามาไทย 19,500 บาท ต้องผ่อนจ่ายเดือนละ 1,950 บาท 10 เดือน ตอนนี้เพิ่งเริ่มทำงานได้ 2 เดือน หากต้องกลับประเทศ ก็จะต้องไปจ่ายค่าฝากพาสปอร์ตกับนายหน้า 1,000 บาท จึงจะได้พาสปอร์ตคืน แต่ถ้าได้กลับเข้าทำงานที่เดิม ก็อยากให้รัฐบาลไทยช่วยเหลือในเรื่องการเพิ่มค่าแรง ซึ่งปัจจุบันตนได้ค่าแรง 190 บาทต่อวัน ไม่เพียงพอต่อการใช้จ่าย นางบุญ กล่าว
นางนวย วัย 24 ปี แรงงานต่างด้าวสัญชาติพม่า กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ทำงานที่บ่อเลี้ยงปลา จังหวัดนครสวรรค์ แต่เจอภัยน้ำท่วม จึงอพยพมาทำงานที่โรงงานอะลูมิเนียมแห่งหนึ่งใน จังหวัดนนทบุรี แต่ทำงานได้แค่ 1 เดือน ก็เจอภัยน้ำท่วมเข้าอีก จึงอพยพมาอยู่ที่นี่พร้อมกับสามีและน้องชาย ทั้งนี้ หลังน้ำลดยังอยากจะทำงานในไทย แต่ต้องดูว่านายจ้างที่ จังหวัดนนทบุรี จะจ้างต่อหรือไม่ ซึ่งเดือนตุลาคมนี้จะติดต่อรับเงินเดือนจากนายจ้าง หากไม่จ้างต่อก็จะต้องไปขอใบ ทร.38/1 จากนายจ้างคืน และหางานทำใหม่ โดยระหว่างที่น้ำท่วมอาจจะทำงานที่กระทรวงแรงงานจัดหาไว้ให้ชั่วคราวไปก่อน
ทั้งนี้ ศูนย์แห่งนี้มีการให้บริการเบ็ดเสร็จให้แก่แรงงานต่างด้าวทั้งที่เข้ามาอย่างถูกกฎหมายและลักลอบเข้าเมืองเป็นพวกใต้ดินทั้งในเรื่องของที่พัก อาหาร น้ำ เครื่องอุปโภคบริโภค การสันทนาการด้านกีฬา การดูแลด้านสุขภาพ ยารักษาโรค การดูแลด้านจิตวิทยาและการจัดหางานให้ทำ นอกเหนือจากนี้ได้ให้กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน (กพร.) เปิดศูนย์จัดทำอาหารสำหรับช่วยเหลือแรงงานผู้ประสบภัย คอยจัดทำอาหารให้ และสำนักงานประกันสังคม (สปส.)จัดหน่วยพยาบาลมาอำนวยความสะดวกและรักษาแรงงานที่มีอาการป่วยรวมทั้งมีอาสาสมัครจากมหาวิทยาลัยต่างๆ มาคอยเป็นล่าม ในการสื่อสารกับแรงงานต่างด้าวด้วยและให้กรมการจัดหางาน (กกจ.) จัดหางานรองรับทั้งแรงงานไทยและต่างด้าว ซึ่งในส่วนของจังหวัดนครปฐมนั้น ณ ขณะนี้มีการจัดสรรตำแหน่งงานไว้รองรับถึง 2,536 อัตรา ซึ่งจากการตรวจเยี่ยมในวันนี้พบว่าสามารถหางานให้แรงงานที่อยู่ในศูนย์ได้ทันทีจำนวน 37 คน
แรงงานไทย “ต้นทาง-ต้นทุน เศรษฐกิจไทย
![]() |
|
|
|